วิธีการสอนภาษาที่เน้นเนื้อหา
(Content-based Instruction)
Brinton,
Snow และ Wesche
(1989) ให้คำอธิบายเกี่ยวกับการสอนภาษาโดยใช้เนื้อหาเพื่อนำไปสู่การเรียนรู้ภาษา
หรือที่เรียกว่า
Content
– Based Instruction ( CBI ) วิธีการสอนภาษาที่เน้นเนื้อหาเป็นการสอน
ที่ประสานเนื้อหาเข้ากับจุดประสงค์ของการสอนภาษาเพื่อการสื่อสาร
โดยมุ่งให้ผู้เรียนสามารถใช้ภาษาอังกฤษเป็นเครื่องมือในการศึกษาเนื้อหา
พร้อมกับพัฒนาภาษาอังกฤษเชิงวิชาการผู้สอนที่ใช้แนวการสอนแบบนี้เห็นว่าครู
ไม่ควรใช้เนื้อหาเป็นเพียงแบบฝึกหัดทางภาษาเท่านั้น
แต่ครูควรฝึกให้ผู้เกิดความเข้าใจสาระของเนื้อหา
โดยใช้ทักษะทางภาษาเป็นเครื่องมือ
ครูจะใช้เนื้อหากำหนดรูปแบบของภาษา
( Form
) หน้าที่ของภาษา ( Function
) และทักษะย่อย ( Sub
– Skills ) ที่ผู้เรียนจำเป็นต้องรู้เพื่อที่จะเข้าใจสาระของเนื้อหาและทำกิจกรรมได้
การใช้เนื้อหาเพื่อนำไปสู่การเรียนรู้ภาษานี้จะทำให้ครูสามารถสร้างบทเรียน
ให้สอดคล้องกับสถานการณ์จริงได้มากที่สุด
ทั้งนี้ครูจะต้องเข้าใจการสอนแบบบูรณาการหรือทักษะสัมพันธ์
ตลอดจนเข้าใจเนื้อหาและสามารถ
ใช้เนื้อหาเป็นตัวกำหนดบทเรียนทางภาษา
( Brinton,
Snow, Wesche, 1989 )
สรุป การสอนแบบ
Content-based
Instruction เป็นวิธีการสอนที่เน้นเนื้อหาเป็นการใช้เนื้อหากำหนดรูปแบบของภาษาหน้าที่ของภาษาและทักษะย่อยที่ผู้เรียนจำเป็นจะต้องเรียนรู้เพื่อให้เข้าใจสาระของเนื้อหาอย่างแท้จริงซึ่งการใช้เนื้อหาเพื่อนำไปสู่การเรียนรู้ภาษาจะทำให้ครูสามารถสร้างบทเรียนสอดคล้องกับสถานการณ์จริงได้มาก
การสอนภาษาโดยใช้เนื้อหาเพื่อนำไปสู่การเรียนรู้ภาษา
( Content
– Based Instruction ) การเรียนภาษาต่างประเทศจะได้ผลมากที่สุดถ้าครูสอนให้ผู้เรียนใช้ภาษาในสถานการณ์ที่สอดคล้องกับสถานการณ์จริง
ทั้งครูและผู้ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการเรียนการสอนภาษาที่มุ่งให้ผู้เรียนสามารถสื่อสารได้
จะจัดการสอนโดยเน้นให้ผู้เรียนฝึกการใช้ภาษาในสถานการณ์ที่เหมือนจริง
ครูสอนภาษาต่างประเทศในประเทศไทยส่วนใหญ่สอนทักษะการสื่อสารระหว่างบุคคลในระดับพื้นฐาน
( Basic
Interpersonal Communication Skills ) ซึ่งเน้นให้ผู้เรียนฝึกการใช้ภาษาให้ถูกต้องตามหน้าที่ ( Functions
) ในสถานการณ์ซึ่งครูจำลองให้เหมือนชีวิตประจำวันมากที่สุด
เช่นการซื้อของ
การถามหรือการบอกทิศทาง
การแนะนำตัวเอง
เป็นต้น
การสอนลักษณะนี้จะช่วยให้ผู้เรียนสื่อสารได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น
ผู้เรียนที่สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาจำนวนมากจะศึกษาต่อในระดับสูงขึ้น
ไม่ว่าจะศึกษาต่อในสาขาวิชาใดก็ตามผู้เรียนจำเป็นต้องใช้ภาษาอังกฤษเชิงวิชาการ
( Academic
English ) เพื่อศึกษาหาความรู้และความก้าวหน้าทางวิทยาการ
การสอนภาษาโดยเน้นเพียงการสื่อสารในชีวิตประจำวัน
จึงไม่สามารถเตรียมผู้เรียนให้มีความพร้อมในการใช้ภาษาอังกฤษในการศึกษาหาความรู้ต่อไปผู้เชี่ยวชาญทางด้านการสอนภาษา
ได้ศึกษาเปรียบเทียบการเรียนภาษาเพื่อการสื่อสารระหว่างบุคคล
และการเรียนภาษาอังกฤษเชิงวิชาการ
สรุปว่า
ผู้เรียนสามารถใช้ภาษาเพื่อการสื่อสารในระดับพื้นฐานได้
หลังจากการเรียนในระยะเวลา
2 ปีแต่ผู้เรียนไม่สามารถใช้ภาษาเชิงวิชาการได้
( Grabeและ
Stoller,
1997, Cummins, 1983, 1989 ) ซึ่งถ้าผู้เรียนต้องการพัฒนาทักษะภาษาเชิงวิชาการด้านพุทธิพิสัย
หรือ
Cognitive
Academic Language Proficiency ( CALP ) จะต้องใช้เวลาเรียนถึง
7 ปี ( Cummins
1983, 1989 )
นอกจากนี้ Cummins
ยังอธิบายเพิ่มเติมว่า
ถึงแม้ผู้เรียนส่วนใหญ่จะไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ใช้ภาษาอังกฤษ
แต่ผู้เรียนย่อมจะมีโอกาสใช้ภาษาอังกฤษเชิงวิชาการ
ด้วยเหตุผลดังกล่าวข้างต้นจึงควรเริ่มสอนภาษาอังกฤษเชิงวิชาการ
โดยเน้นวิธีการสอนที่ใช้เนื้อหาเพื่อนำไปสู่การเรียนรู้ภาษาในระดับมัธยมศึกษา
แนวการสอนแบบนี้ ครูจะประสานทักษะทั้งสี่ให้สัมพันธ์กับหัวเรื่อง
( Topic
) ที่กำหนดในการเลือกหัวเรื่องครูจะต้องแน่ใจว่าผู้เรียนมีทักษะและกลวิธีการเรียน
( Learning
Strategies ) ที่จำเป็นเพื่อที่จะสามารถเข้าใจเนื้อหาได้
การสอนภาษาแนวนี้เหมาะสมอย่างยิ่ง
เพราะเป็นการฝึกกลวิธีการเรียนภาษา
เพื่อให้ผู้เรียนสามารถเข้าใจความหมายของภาษาและสามารถนำกลวิธีนี้ไปใช้ได้ตลอด
ส่วนเนื้อหาและกิจกรรมการเรียน
ครูสามารถปรับแต่งให้มีความหลากหลายมากขึ้น กิจกรรมการเรียนการสอนในแนวนี้จะกระตุ้นให้ผู้เรียนคิด
และเกิดการเรียนรู้
โดยผ่านการฝึกทักษะทางภาษา
กิจกรรมเป็นแบบทักษะสัมพันธ์ที่สมจริง
ตัวอย่างเช่น
เมื่อผู้เรียนได้ฟังหรืออ่านบทความที่ได้จากสื่อจริง
( Authentic
Material ) แล้วผู้เรียนไม่เพียงแต่ทำความเข้าใจข้อมูลเท่านั้น
แต่จะต้องตีความและประเมินข้อมูลนั้น
ๆ
ด้วย
ดังนั้นผู้เรียนจะต้องรู้จักการวิเคราะห์และสังเคราะห์ข้อมูลเพื่อที่จะสามารถพูดหรือเขียนเชิงวิชาการที่เกี่ยวกับเรื่องนั้น
ๆ
ได้
จะเห็นได้ว่าผู้เรียนจะได้ฝึกทั้งทักษะทางภาษา
( Language
Skills ) และทักษะการเรียน ( Study
Skills ) ซึ่งจะเตรียมผู้เรียนให้พร้อมที่จะใช้ภาษาอังกฤษเชิงวิชาการในสถานการณ์จริงในอนาคต
จุดมุ่งหมายของการสอน
การสอนแบบ
CBI
มุ่งเตรียมผู้เรียนให้สามารถใช้ภาษาอังกฤษเพื่อหาความรู้ทางวิชาการเพิ่มเติม
ซึ่งการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนไม่แตกต่างไปจากการสอนภาษาเพื่อการสื่อสารโดยมีแนวการเรียนการสอนที่สำคัญดังนี้
คือ
- การสอนแบบยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง
( Learner
– Centered Approach )
- การสอนที่คำนึงถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับภาษา
( Whole
Language Approach )
- การสอนที่เน้นการเรียนรู้จากประสบการณ์
( Experiential
Learning )
- การสอนที่เน้นการเรียนรู้จากการทำโครงงาน
( Project
– Based Learning )
นอกจากนี้ยังเน้นหลักสำคัญว่า
ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ภาษาได้ดี
ถ้ามีโอกาสใช้ภาษาในสถานการณ์ที่เหมือนจริง
และผู้เรียนจะใช้ภาษามากขึ้นถ้ามีความสนใจในเนื้อหาที่เรียน
ดังนั้นผู้เรียนจึงต้องนำเนื้อหาที่เป็นจริงและสถานการณ์การเรียนรู้ที่สมจริงมาให้ผู้เรียนได้ฝึกใช้ภาษา
เพื่อที่จะทำความเข้าใจสาระของเนื้อหา
โดยผู้เรียนสามารถใช้พื้นความรู้เดิมของตนในภาษาไทยมาโยงกับเนื้อหาของวิชาในภาษาอังกฤษ
และที่สำคัญที่สุด
คือ
แนวการสอนแนวนี้ฝึกให้ผู้เรียนคิดเป็น
สามารถวิพากษ์วิจารณ์ข้อมูลที่ได้จากเนื้อหาที่เรียน
และใช้ทักษะทางภาษาเป็นเครื่องมือในการค้นคว้าข้อมูลเพิ่มเติมได้
ฉะนั้นการเรียนการสอนวิธีนี้จึงเหมาะสมกับการสอนภาษาในระดับประถมศึกษา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น