การสอนทักษะการเขียนภาษาอังกฤษ
( Teaching English Writing Skill )
การเขียน คือ การสื่อสารให้ผู้อื่นได้รับรู้ด้วยข้อความเป็นลายลักษณ์อักษร
มีจุดมุ่งหมายเพื่อถ่ายทอดความคิดของผู้ส่งสารคือผู้เขียนไปสู่ผู้รับสารคือผู้อ่าน
มากกว่าการมุ่งเน้นในเรื่องของการใช้คำและหลักไวยากรณ์ หรือ
อาจกล่าวอีกนัยหนึ่งว่า การเขียนเป็นการสื่อสารที่มุ่งเน้นความคล่องแคล่ว
( Fluency ) ในการสื่อความหมาย มากกว่าความถูกต้องของการใช้ภาษา ( Accuracy ) อย่างไรก็ตาม กระบวนการสอนทักษะการเขียน ยังจำเป็นต้องเริ่มต้นจากการสร้างระบบในการเขียน จากความถูกต้องแบบควบคุมได้ ( Controlled Writing ) ไปสู่การเขียนแบบควบคุมน้อยลง ( Less Controlled Writing ) อันจะนำไปสู่การเขียนแบบอิสระ ( Free Writing ) ได้ในที่สุด
( Fluency ) ในการสื่อความหมาย มากกว่าความถูกต้องของการใช้ภาษา ( Accuracy ) อย่างไรก็ตาม กระบวนการสอนทักษะการเขียน ยังจำเป็นต้องเริ่มต้นจากการสร้างระบบในการเขียน จากความถูกต้องแบบควบคุมได้ ( Controlled Writing ) ไปสู่การเขียนแบบควบคุมน้อยลง ( Less Controlled Writing ) อันจะนำไปสู่การเขียนแบบอิสระ ( Free Writing ) ได้ในที่สุด
การฝึกทักษะการเขียนสำหรับผู้เรียนระดับต้น
สิ่งที่ผู้สอนต้องคำนึงถึงให้มากที่สุด คือ ต้องให้ผู้เรียนมีข้อมูลเกี่ยวกับ
คำศัพท์ ( Vocabulary ) กระสวนไวยากรณ์ ( Grammar Pattern ) และเนื้อหา
( Content ) อย่างเพียงพอที่จะเป็นแนวทางให้ผู้เรียนสามารถคิดและเขียนได้
ซึ่งการสอนทักษะการเขียนในระดับนี้ อาจมิใช่การสอนเขียนเพื่อสื่อสารเต็มรูปแบบ
แต่จะเป็นการฝึกทักษะการเขียนอย่างเป็นระบบที่ถูกต้อง
อันเป็นรากฐานสำคัญในการเขียนเพื่อการสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพในระดับสูงได้ต่อไป
ครูผู้สอนควรมีความรู้และความสามารถในการจัดการเรียนรู้เพื่อฝึกทักษะการเขียนให้แก่ผู้เรียนได้อย่างไร
ผู้เรียนจึงจะมีทักษะการเขียนภาษาอังกฤษที่มีประสิทธิภาพสูงสุด
การฝึกทักษะการเขียน มี 3 แนวทาง คือ
1.1
การเขียนแบบควบคุม ( Controlled Writing ) เป็นแบบฝึกการเขียนที่มุ่งเน้นในเรื่องความถูกต้องของรูปแบบ
เช่น การเปลี่ยนรูปทางไวยากรณ์ คำศัพท์ในประโยค
โดยครูจะเป็นผู้กำหนดส่วนที่เปลี่ยนแปลงให้ผู้เรียน
ผู้เรียนจะถูกจำกัดในด้านความคิดอิสระ สร้างสรรค์ ข้อดีของการเขียนแบบควบคุมนี้
คือ การป้องกันมิให้ผู้เรียนเขียนผิดตั้งแต่เริ่มต้น
กิจกรรมที่นำมาใช้ในการฝึกเขียน เช่น
-
Copying เป็นการฝึกเขียนโดยการคัดลอกคำ ประโยค หรือ
ข้อความที่กำหนดให้ ในขณะที่เขียนคัดลอก ผู้เรียนจะเกิดการเรียนรู้การสะกดคำ
การประกอบคำเข้าเป็นรูปประโยค และอาจเป็นการฝึกอ่านในใจไปพร้อมกัน
- Gap
Filing เป็นการฝึกเขียนโดยเลือกคำที่กำหนดให้
มาเขียนเติมลงในช่องว่างของประโยค ผู้เรียนจะได้ฝึกการใช้คำชนิดต่างๆ ( Part
of Speech ) ทั้งด้านความหมาย และด้านไวยากรณ์
-
Re-ordering Words เป็นการฝึกเขียนโดยเรียบเรียงคำที่กำหนดให้
เป็นประโยค ผู้เรียนได้ฝึกการใช้คำในประโยคอย่างถูกต้องตามหลักไวยากรณ์
และเรียนรู้ความหมายของประโยคไปพร้อมกัน
-
Changing forms of Certain words เป็นการฝึกเขียนโดยเปลี่ยนแปลงคำที่กำหนดให้ในประโยค
ให้เป็นรูปพจน์ หรือรูปกาล ต่างๆ หรือ รูปประโยคคำถาม ประโยคปฏิเสธ ฯลฯ
ผู้เรียนได้ฝึกการเปลี่ยนรูปแบบของคำได้อย่างสอดคล้องกับชนิดและหน้าที่ของคำในประโยค
-
Substitution Tables เป็นการฝึกเขียนโดยเลือกคำที่กำหนดให้ในตาราง
มาเขียนเป็นประโยคตามโครงสร้างที่กำหนด
ผู้เรียนได้ฝึกการเลือกใช้คำที่หลากหลายในโครงสร้างประโยคเดียวกัน
และได้ฝึกทำความเข้าใจในความหมายของคำ หรือประโยคด้วย
1.2
การเขียนแบบกึ่งควบคุม ( Less – Controlled Writing ) เป็นแบบฝึกเขียนที่มีการควบคุมน้อยลง
และผู้เรียนมีอิสระในการเขียนมากขึ้น การฝึกการเขียนในลักษณะนี้
ครูจะกำหนดเค้าโครงหรือรูปแบบ
แล้วให้ผู้เรียนเขียนต่อเติมส่วนที่ขาดหายไปให้สมบูรณ์ วิธีการนี้
ช่วยให้ผู้เรียนพัฒนาทักษะความสามารถในการเขียนได้มากขึ้น
อันจะนำไปสู่การเขียนอย่างอิสระได้ในโอกาสต่อไป กิจกรรมฝึกการเขียนแบบกึ่งอิสระ
เช่น
-
Sentence Combining เป็นการฝึกเขียนโดยเชื่อมประโยค 2
ประโยคเข้าด้วยกัน ด้วยคำขยาย หรือ คำเชื่อมประโยค
ผู้เรียนได้ฝึกการเขียนเรียบเรียงประโยคโดยใช้คำขยาย หรือคำเชื่อมประโยค ในตำแหน่งที่ถูกต้อง
-
Describing People เป็นการฝึกการเขียนบรรยาย คน สัตว์ สิ่งของ
สถานที่ โดยใช้คำคุณศัพท์แสดงคุณลักษณะของสิ่งที่กำหนดให้
ผู้เรียนได้ฝึกการใช้คำคุณศัพท์ขยายคำนามได้อย่างสอดคล้อง
และตรงตามตำแหน่งที่ควรจะเป็น
-
Questions and Answers Composition เป็นการฝึกการเขียนเรื่องราว
ภายหลังจากการฝึกถามตอบปากเปล่าแล้ว
โดยอาจให้จับคู่แล้วสลับกันถามตอบปากเปล่าเกี่ยวกับเรื่องราวที่กำหนดให้
แต่ละคนจดบันทึกคำตอบของตนเองไว้ หลังจากนั้น จึงให้เขียนเรียบเรียงเป็นเรื่องราว 1
ย่อหน้า ผู้เรียนได้ฝึกการเขียนเรื่องราวต่อเนื่องกัน โดยมีคำถามเป็นสื่อนำความคิด
หรือเป็นสื่อในการค้นหาคำตอบ
ผู้เรียนจะได้มีข้อมูลเป็นรายข้อที่สามารถนำมาเรียบเรียงต่อเนื่องกันไปได้อย่างน้อย
1 เรื่อง
-
Parallel Writing เป็นการฝึกการเขียนเรื่องราวเทียบเคียงกับเรื่องที่อ่าน
โดยเขียนจากข้อมูล หรือ ประเด็นสำคัญที่กำหนดให้
ซึ่งมีลักษณะเทียบเคียงกับความหมายและโครงสร้างประโยค ของเรื่องที่อ่าน
เมื่อผู้เรียนได้อ่านเรื่องและศึกษารูปแบบการเขียนเรียบเรียงเรื่องนั้นแล้ว
ผู้เรียนสามารถนำข้อมูลหรือประเด็นที่กำหนดให้มาเขียนเลียนแบบ หรือ
เทียบเคียงกับเรื่องที่อ่านได้
-
Dictation เป็นการฝึกเขียนตามคำบอก
ซึ่งเป็นกิจกรรมที่วัดความรู้ ความสามารถของผู้เรียนในหลายๆด้าน เช่น การสะกดคำ
ความเข้าใจด้านโครงสร้างประโยค ไวยากรณ์ รวมถึงความหมายของคำ ประโยค หรือ ข้อความที่เขียน
1.3 การเขียนแบบอิสระ
( Free Writing ) เป็นแบบฝึกเขียนที่ไม่มีการควบคุมแต่อย่างใด
ผู้เรียนมีอิสระเสรีในการเขียน เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้แสดงความคิด
จินตนาการอย่างกว้างขวาง การเขียนในลักษณะนี้ ครูจะกำหนดเพียงหัวข้อเรื่อง หรือ
สถานการณ์ แล้วให้ผู้เรียนเขียนเรื่องราวตามความคิดของตนเอง วิธีการนี้
ช่วยให้ผู้เรียนพัฒนาทักษะความสามารถในการเขียนได้เต็มที่
ข้อจำกัดของการเขียนลักษณะนี้ คือ ผู้เรียนมีข้อมูลที่เป็นคลังคำ โครงสร้างประโยค
กระสวนไวยากรณ์เป็นองค์ความรู้อยู่ค่อนข้างน้อย ส่งผลให้การเขียนอย่างอิสระนี้
ไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น